เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ และอื่นๆ

รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ลดความเมื่อยล้าในการเหยียบคลัตช์และโยกคันเกียร์
ปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เพราะง่ายต่อการใช้งานและสะดวกสบาย เหมาะกับการขับขี่ในตัวเมืองซึ่งมักมีการจราจรติดขัด
ในที่นี้จะมีความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติและรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
เกียร์อัตโนมัติ
รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ จะไม่มีคลัตช์ ห้องเกียร์อัตโนมัติจะเลือกใช้เกียร์อย่างเหมาะสมตามอัตราเร็วของรถยนต์และภาระของเครื่องยนต์ นอกจากจะช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้นแล้ว ยังช่วย ให้ผู้ขับขี่มีเวลามากเพียงพอที่จะมองถนนในขณะขับขี่
เกียร์อัตโนมัติจะเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นเมื่ออัตราเร็วเพิ่มขึ้นและเปลี่ยนเกียร์ต่ำลง เมื่ออัตราเร็วลดลง มันจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำเมื่อขับขี่ ขึ้นทางชันได้เองเมื่อภาระของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น
ในขณะขับขี่ลงทางชัน ภาระของเครื่องยนต์มีน้อยคุณก็ยังสามารถใช้เกียร์ต่ำได้โดยการโยกคันเกียร์ไปที่เกียร์ต่ำ
คันเกียร์
เกียร์อัตโนมัติจะมีคันเกียร์สำหรับให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตามความเหมาะสม รูปแบบของเกียร์อัตโนมัติมักคล้ายกัน แต่อาจมีความ แตกต่างกันบ้างตามการออกแบบของผู้ผลิตแต่ละราย
ผู้ใช้รถยนต์จะต้องอ่านคู่มือและทำความเข้าใจ การใช้งานของแต่ละรุ่นซึ่งอาจแตกต่างกันบ้าง
โดยทั่วไปแล้วคันเกียร์จะมีตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
P (Park) เป็นตำแหน่ง สำหรับจอดรถยนต์ ตำแหน่งนี้จะใช้เมื่อรถยนต์จอดนิ่งอยู่กับที่ ห้องเกียร์จะถูกล็อกเมื่อโยกคันเกียร์ไปที่ ตำแหน่ง P
R (Reverse) เป็นตำแหน่งที่ใช้เมื่อต้องการถอยหลังรถยนต์
N (Neutral) เป็นตำแหน่งเกียร์ว่างเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา
D (Drive) เป็นตำแหน่งสำหรับขับเคลื่อนรถยนต์เดินหน้า
2 (2nd gear) เป็น ตำแหน่งเกียร์ 2 ของรถยนต์ เกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ 2 ตลอดเวลา
1 (1st gear) เป็นตำแหน่งเกียร์ 1 ของรถยนต์ เกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ 1 ตลอดเวลา

เกียร์อัตโนมัติ
เกียร์อัตโนมัติของรถยนต์บางคันเป็นแบบสี่เกียร์เดินหน้า ดังนั้นจะมีตำแหน่งเกียร์ 3 ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ได้ด้วย โดยอยู่ใน ตำแหน่งถัดจาก D ลงมา
ตำแหน่งของเกียร์ต่างๆ ที่คุณสามารถเลือกใช้ได้นั้น ช่วยป้องถันไม่ให้ห้องเกียร์เปลี่ยนเป็นเกียร์สูง ซึ่งจะมีประโยชน์มากสำหรับการ จราจรที่หนาแน่น การแซง และการขับขี่ลงทางลาด
คิก-ดาวน์
คิก-ดาวน์เป็นอุปกรณ์อย่างหนี่งที่ใช้สำหรับการเร่งรถยนต์เมื่อคุณต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแซงรถยนต์
การกดแป้นคันเร่งอย่างทันทีทันใด เกียร์เปลี่ยนตำแหน่งต่ำลงหนึ่งขั้นเพื่อให้การแซงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เมื่อผ่อนคันเร่ง เกียร์จะกลับสู่ตำแหน่งเกียร์สูงตามเดิม
ความสำคัญของเบรกมือ
เมื่อจอดรถยนต์อยู่กับที่ คุณต้องใช้เบรกมือดึงให้สุดทาง เพราะมีความสำคัญมากต่อเกียร์อัตโนมัติ
ถ้าคันเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N รถยนต์จะเคลื่อนไปข้างหน้าได้ เมื่อคันเร่งถูกกด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจหรือตั้งใจก็ตาม ถ้าใช้เบรกมือจะช่วยลดปัญหานี้ใด้
การคืบของรถยนต์
การคืบของรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะจอดอยู่กับที่ การใช้เบรกสามารถช่วยหยุดการคืบของรถยนต์ได้
ควรตรวจสอบรถยนต์ว่ามีอาการคืบเกิดขึ้นหรือไม่ โดยทดสอบบนพื้นระดับ
อย่าไว้วางใจโดยใช้การคืบของรถยนต์เพื่อตรึงรถยนต์ให้คงอยู่ได้บนทางชัน เพราะรถยนต์จะเคลื่อนถอยหลังโดยไม่เตือนให้ทราบถ้าเครื่องยนต์ดับ
กฎความปลอดภัยคือใช้เบรกมือทุกครั้งที่หยุดรถยนต์
การขับขี่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ
ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงขั้นตอนการใช้งานก่อนที่จะเริ่มขับขี่รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ
-อย่าสตาร์ตเครื่องยนต์ถ้าคันเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N และไม่ได้ใช้เบรกมือ
-ในการขับขี่ตามปกติ ถ้าท่านต้องการขับขี่เดินหน้า ต้องโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D
เกียร์อัตโนมัติจะเปลี่ยนเกียร์ตามความเหมาะสม เมื่อมีแรงกดบนแป้นคันเร่งมากเพียงพอ
การเลือกเกียร์ต่างๆ ด้วยการโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง 1, 2 หรือ 3 เกียร์จะทำหน้าที่คล้ายกับเป็นเกียร์ธรรมดา
การควบคุมแป้นคันเร่ง มีความจำเป็นต่อการขับขี่รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ เพราะว่ามีผลโดยตรงเมื่อคันเกียร์อยู่ที่ตำแหน่งใดๆ นอกจาก P หรือ N
ควรหลีกเลี่ยงการเหยียบแป้นคันเร่งโดยแรง เพราะมันสามารถ
-ทำให้รถยนต์กระตุกไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ชนิดควบคุมไม่ได้
-หน่วงเวลาการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น
การควบคุม
-คุณสามารถเหยียบคันเร่งและเบรกได้ด้วยเท้าทั้งสองข้างพร้อมๆ กันได้ โดยเท้าข้างขวาเหยียบคันเร่งและเท้าซ้ายเหยียบเบรก ซึ่งจะช่วยให้การควบคุมรถยนต์ในขณะเข้าจอดและอื่นๆ ได้อย่างสะดวก
-ในกรณีขับขี่ตามปกติ มันจะปลอดภัยเมื่อใช้เฉพาะเท้าข้างขวาเท่านั้นในการควบคุมแป้นคันเร่งและเบรกเช่นเดียวกันกับการขับขี่ รถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดา
สิ่งนี้ช่วยพัฒนาการคาดเดาด้วยการสนับสนุนจาก
-การผ่อนคันเร่งแต่เนิ่นๆ และ
-การเบรกแต่เนิ่นๆ และต่อเนื่อง
สิ่งนี้จะช่วยตัดปัญหาเกี่ยวกับ
-ความไม่มีเสถียรภาพ การสึกหรอและการฉีกขาด ที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเบรกต้านกับการเร่ง
-ความจำเป็นที่จะต้องมาเรียนรู้วิธีการขับขี่ที่แตกต่างกัน เมื่อคุณเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติมาเป็นเกียร์ธรรมดา หรือในทางกลับกัน
ข้อควรจำ
นอกจากการหลีกเลี่ยงอันตรายของการคืบของรถยนต์มากเกินไป คุณยังต้อง
-มั่นใจว่าไม่ได้ตั้งรอบเดินเบาสูงเกินไป สิ่งนี้ทำให้คุณควบคุมอัตราเร็วลำบาก เช่น คุณอาจพบว่าคุณเคลื่อนที่เข้าสู่ทางแยกด้วยอัตราเร็วสูงเกินไป
-หลีกเลี่ยงความมั่นใจสูงเกินไปและขับขี่เร็วเกินไป ลำหรับสภาพถนนและการจราจรต่างๆ
-ระมัดระวังสำหรับเกียร์อัตโนมัติ การเบรกด้วยเครื่องยนต์จะมีผลน้อยมากควรใช้เกียร์ต่ำเมื่อจำเป็น
-ควบคุมอัตราเร็วของคุณในขณะที่เข้าใกล้ทางโค้ง
ในขณะที่คุณเลี้ยวโค้ง คุณต้องควบคุมอัตราเร็วของรถยนต์ไว้ เพราะบางครั้งเกียร์อาจเปลี่ยนสูงขึ้นเนื่องจากการผ่อนคันเร่ง ดังนั้นเพื่อหลักเลี่ยงสิ่งนี้ คุณควรลดอัตราเร็วลงก่อนที่จะถึงทางเลี้ยวและกดคันเร่งอย่างเบาๆ ในขณะเลี้ยวโค้ง
การควบคุมอัตราเร็วคงที่
ชุดควบคุมอัตราเร็วคงที่ มักเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถควบคุมอัตราเร็วให้คงที่ได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ ในกรณีถนนว่าง
สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น โดยไม่ต้องกดแป้นคันเร่งแช่ไว้ตลอดเวลาในขณะขับขี่เป็นระยะไกลๆ ชุดควบคุมอัตราเร็วคงที่นี้เหมาะกับการขับขี่ที่ถนนว่างและไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอัตราเร็วของรถยนต์บ่อยนัก
ชุดควบคุมอัตราเร็วคงที่ จะหยุดทำงานและกลับมาเป็นการขับขี่ตามปกติทันที ที่ผู้ขับขี่เหยียบแป้นคันเร่ง หรือเหยียบแป้นเบรก
โอเวอร์ไดรฟ์
โอเวอร์ไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ใช้เกียร์สูงขึ้นไปอีก ด้วยสัดส่วนเกียร์ที่ลดลงไปจากปกติ สิ่งนี้จะช่วยลดการสึกหรอและประหยัดนํ้ามันเชื้อเพลิง
ชุดโอเวอร์ไดรฟ์ถึงแม้จะมีใช้กันหลายปีแล้วก็ตาม แต่ก็มีรถยนต์จำนวนไม่มากที่ติดตั้งชุดโอเวอร์ไดรฟ์ เนื่องจากรถยนต์ส่วนมากใน ปัจจุบันใช้ห้องเกียร์ประเภทเดินหน้าห้าเกียร์
การใช้งานโอเวอร์ไดรฟ์ เพียงแค่กดสวิตช์บนคันเกียร์เท่านั้น
รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยทั่วไปสามารถเลือกใช้ขับเคลื่อนสองล้อหรือสี่ล้อก็ได้ โดยมีคันเกียร์แยกต่างหากอีกหนึ่งอัน กำลังของเครื่องยนต์จะถ่ายทอดไปยังเพลาของล้อและล้อหน้าพร้อมกัน
ปัจจุบันมีรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น เดิมทีเดียวนั้นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อใช้ในกิจกรรมของทหาร ซึ่งมักใช้ในพื้นที่ทุรกันดารทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพถนน แต่ปัจจุบันก็ได้นำมาใช้ในกิจการบางอย่างที่ทุรกันดาร
คุณไม่ต้องการความชำนาญพิเศษแต่อย่างไรในการขับขี่รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อบนถนนทั่วๆ ไป แต่คุณต้องระมัดระวังเมื่อขับขี่นอกถนนซึ่งอาจเป็นพื้นอ่อนหรือพื้นเอียงเป็นหลุมเป็นบ่อ
ระวังการกระดอนขึ้นลงของรถยนต์ซึ่งอาจทำให้ช่วงล่างของรถยนต์เสียหาย หรือระบบพวงมาลัยเสียหาย และสูญเสียการควบคุม
การขับขี่ตามขวางของเส้นทางที่ลาดเอียงมีอันตรายสูงเช่นกัน เพราะรถยนต์อาจกระดอนขึ้นลงและพลิกคว่ำได้ สิ่งนี้ต้องระมัดระวัง
รถแบบนี้จุดศูนย์ถ่วงมีแนวโน้มสูงขึ้นและระยะห่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลังสั้นกว่ารถยนต์ธรรมดา จงยึดหลักการขับขี่อย่าง ปลอดภัย
-คุณต้องพิจารณาภูมิประเทศด้วย
-อย่าขับขี่ขึ้นทางชันที่เกินกำลังรถถึงแม้ว่ารถของคุณดูเหมือนจะมีกำลังเหลือมากพอที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม
-เลี้ยวโค้งด้วยอัตราเร็วสม่ำเสมอ เพราะทุกล้อ ถูกถ่ายทอดกำลังมาจากห้องเกียร์และหมุนด้วยอัตราเร็วต่างกันในขณะเลี้ยวโค้ง สิ่งนี้อาจมีผลต่อการทรงตัวได้ถ้าไม่ระมัดระวัง
-อย่าคาดหวังว่ารถยนต์จะทำงานได้มากกว่าความสามารถ อย่าขับขี่บนถนนปกติด้วยความเร็วสูง
รถเก๋งจำนวนไม่มากที่เป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีรถเก๋งบางแบบได้รับการออกแบบมาเป็นข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถใหม่ รถยนต์แบบนี้สามารถทำงานขับเคลื่อนสี่ล้อได้อย่างอัตโนมัติโดยอาศัย เซ็นเซอร์ตรวจจับ
ข้อดีของรถเก๋งที่ขับเคลื่อนสี่ล้อคือยางยึดเกาะถนนได้ดีขึ้นและเลี้ยวโค้งได้ดีขึ้น แต่ข้อจำกัดของรถเก๋งคือระยะช่องว่างใต้ท้องรถยนต์นั้นค่อนข้างแคบ เมื่อวิ่งนอกถนนอาจมีปัญหาได้ ดังนั้นจึงต้อง ออกแบบเป็นพิเศษให้ท้องรถยนต์สูงขึ้นและใช้ยางพิเศษสำหรับพื้นที่ทุรกันดาร
หลังจากได้ศึกษาแล้ว คุณมีความพึงพอใจกับมาตรฐานการขับขี่ของตัวเองหรือไม่ ถ้าคุณมีความพึงพอใจ คุณอยู่ที่ระดับไหน ทุกคนสามารถทำความผิดพลาดได้บนถนน แต่ผู้ขับขี่ไม่ทุกคนที่มีการเตรียมตัวและเผื่อความผิดพลาดของผู้อื่นไว้ด้วย ระมัดระวังความผิดพลาดของผู้อื่นและพร้อมที่จะชะลออัตราเร็วหรือหยุด ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม อย่าไว้วางใจผู้อื่นว่าจะต้องทำถูกต้องเสมอไป เพราะมันอันตราย ควรพิจารณามาตรฐานการขับขี่ของเราเองก่อนที่จะไปว่าคนอื่น ถามตัวเองว่าคุณรักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัดจนสามารถทำให้ผู้อื่นคาดเดาในสิ่งที่คุณกำลังจะทำได้หรือไม่ โปรดจำไว้ว่าไม่มีผู้ขับขี่รายใดที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมด ไม่ว่าคุณจะมีมาตรฐานการขับขี่อยู่ในระดับใดก็ตามในขณะนี้ ควรมีเป้าหมายในการพัฒนามาตรฐานให้สูงขึ้น โดยการสังเกตการขับขี่ของผู้อื่นและปฏิบัติตามเฉพาะในสิ่งดีที่คุณเห็น หลีกเลี่ยงความไม่ดีของผู้อื่นและเรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดพลาดด้วยตัวของคุณเอง
ในปัจจุบันนี้บนท้องถนนไม่มีเนื้อที่อีกแล้วสำหรับความไม่อดทน การไม่ยอมผู้อื่น การโอ้อวด ความก้าวร้าวหรือความเห็นแก่ตัว ถ้าคุณมีความประพฤติอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว คุณกำลังเดินทางไปพบอุบัติเหตุ
ความสามารถในการควบคุมรถยนต์ของคุณและการมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วต่อสภาพถนนและการจราจรต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คุณเป็นผู้ขับขี่ที่ดีหรือปลอดภัยได้
ความชำนาญในการขับขี่เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ ทัศนคติของจิตใจมีความสำคัญมากเช่นเดียวกับความรอบรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขับขี่แบบระวังภัย
การพัฒนาทัศนคติและพฤติกรรมที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่คุณจะต้องปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง
ผู้ขับขี่ที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้
-มีความสำนึกในความรับผิดชอบ
-มีสมาธิในการขับขี่
-มีการคาดเดาที่ดี
-มีความอดทนและมั่นใจ
ทั้งหมดนี้เป็นมารยาทที่ดีและเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ถนนทุกคนควรปฏิบัติ
การลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจะทำให้ถนนของเรามีความปลอดภัยสำหรับทุกๆ คน
ดังนั้น จงมั่นใจว่าเป้าหมายที่สำคัญของคุณคือการที่คุณ “รู้จักรถ ขับปลอดภัย”
ที่มา:ธีรยุทธ  สุวรรณประทีป