เครื่องหมายจราจร

เครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายจราจรมีความสำคัญมากต่อระบบการจราจร เครื่องหมายจราจรจะบอกคุณเกี่ยวกับกฎต่างๆ ที่จะต้องปฏิบัติตาม และเตือนให้ทราบเกี่ยวกับอันตรายต่างๆ ที่คุณอาจพบบนถนนข้างหน้า
เครื่องหมายจราจรอาจเป็นรูปของตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ต่างๆ บนแผ่นป้าย เครื่องหมายต่างๆ บนถนน หรือสัญญาณไฟต่างๆ
ในที่นี้จะเกี่ยวข้องกับเครื่องหมายจราจรต่างๆ พร้อมอธิบายความหมายให้ทราบ
จุดประสงค์ของเครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายจราจรที่ดี ต้องให้ความหมายชัดเจน และต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างเพียงพอสำหรับคุณเพื่อ
-ให้สามารถมองเห็นชัดเจน
-ให้สามารถเข้าใจได้ดี
-ให้ปฏิบัติตามได้อย่างปลอดภัย
เครื่องหมายจราจรส่วนมากเป็นสัญลักษณ์ เพราะว่าสามารถเข้าใจง่ายและจำได้ง่าย และมักเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก
กฎพื้นฐาน
คุณจะจำเครื่องหมายจราจรได้ง่ายถ้าท่านเข้าใจกฎพื้นฐานต่างๆซึ่งปรากฎออกมาในลักษณะของรูปทรงและสีต่างๆ
1. เครื่องหมายวงกลม เป็นเครื่องหมายคำสั่ง
2. เครื่องหมายสามเหลี่ยม เป็นเครื่องหมายใช้เตือน
3. เครื่องหมายสี่เหลี่ยม เป็นสิ่งที่แจ้งและบอกทิศทาง
4. เครื่องหมายบนถนน สามารถเป็นไปได้ทั้งในข้อ 1,2 และ 3
5. ไฟจราจร
เครื่องหมายจราจรที่สั่งให้ปฏิบัติ
เครื่องหมายวงกลม จำนวนมากที่สั่งให้ผู้ขับขี่ปฏิบ้ติ เช่น
-วงเวียน
-ชิดช้าย
-เลี้ยวซ้าย
-หยุดให้คนข้ามถนน
-หยุดสำหรับงานก่อสร้าง
-หยุดและให้ทางที่ทางแยก
เครื่องหมายหยุดลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมและมีตัวอักษร “หยุด” อยู่ตรงกลาง
ในบริเวณทางแยกมักจะมีเครื่องหมาย “หยุด” คุณจะต้องหยุดทุกครั้งและมองซ้ายและขวา เมื่อปลอดภัยแล้วจึงค่อยไป ไม่ว่าถนนจะว่างหรือไม่ก็ตามคุณจะต้องหยุดก่อนเสมอ แล้วดูให้แน่ใจว่าไม่มีรถยนต์คัน อื่นแล้วจึงออกรถยนต์ได้
การที่มักจะมีเครื่องหมายหยุดที่ทางแยก เนื่องจากบริเวณทางแยกมักจะมีขอบเขตการมองเห็นที่จำกัด จึงควรหยุดเพื่อจะมองให้ทั่ว
เครื่องหมายจราจรที่ห้ามไม่ให้ปฏิบัติ
เครื่องหมายเหล่านี้จะบอกคุณไม่ให้ปฏิบัติในบางอย่าง โดยทั่วไปเครื่องหมายนี้มีลักษณะเป็นวงกลมและมีขอบรอบนอกเป็นสีแดง แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางเครื่องหมาย เช่น เครื่องหมายห้ามเข้าซึ่งมีลักษณะ เป็นวงกลมมีพื้นเป็นสีแดง
การสื่อความหมายอาจใช้สัญลักษณ์คำต่างๆ รูปภาพภายในขอบสีแดง หรืออาจใช้ร่วมกัน
เครื่องหมายให้ทาง
-เป็นเครื่องหมายรูปสามเหลี่ยมชี้ลง
-ตัวอักษรสีดำบนพื้นสีขาว
เครื่องหมายให้ทาง แสดงให้ทราบว่า คุณต้องให้รถยนต์ในเส้นทางที่คุณจะเข้าร่วมนั้นไปก่อน
ในทางแยกบางแห่งอาจมีเครื่องหมาย“ให้ทาง”คุณจะต้องให้สิทธิแก่รถคันอื่นไปก่อนคุณ เมื่อไม่มีรถยนต์คันอื่นแล้วคุณจึงเข้าร่วม เส้นทางได้
ข้อควรจำ
-มองดู
-ประเมินสถานการณ์
-ตัดสินใจ
-ปฏิบัติการ
เครื่องหมายจำกัดความเร็ว
วงกลมสีแดงพร้อมตัวเลขอยู่บนพื้นสีขาวแสดงค่าอัตราเร็วของรถยนต์ที่ถูกจำกัดไม่ให้เกินกำหนด เช่น มีตัวเลข 80 หมายความว่าห้ามใช้อัตราเร็วเกิน 80 กม./ชม.
เครื่องหมายห้ามจอด
บนถนนบางแห่งมีเครื่องหมายห้ามจอด ซึ่งอาจห้ามจอดทุกเวลา หรือห้ามจอดบางเวลา หรือห้ามจอดในวันราชการ ซึ่งคุณสามารถอ่านได้จากป้ายใต้เครื่องหมายห้ามจอด
เครื่องหมายเตือน
เครื่องหมายเตือนต่างๆ มีรูปสามเหลี่ยมขอบสีแดงโดยมียอดสามเหลี่ยมชี้ขึ้นพร้อมด้วยสัญลักษณ์หรือคำต่างๆ อยู่บนพื้นสีขาว เครื่องหมายเตือนเหล่านี้ จะช่วยเตือนให้คุณระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้บนเส้นทางที่จะพบข้างหน้า เช่นเครื่องหมายเตือนทางโค้ง เครื่องหมายเตือนความสูงของสะพาน เครื่องหมายเตือนทางแคบ เครื่องหมายเตือนสามแยก เครื่องหมายเตือนสี่แยก ฯลฯ
เครื่องหมายแสดงทิศทางและข้อมูลอื่นๆ
เครื่องหมายนี้ช่วยให้คุณทราบทิศทางของการเดินทางที่คุณต้องการจะไป และข้อมูลอื่นเช่นสถานีจอดรถยนต์ สถานีรถไฟ ที่สำหรับโทรศัพท์
บนทางด่วนหรือทางหลวง เครื่องหมายจะมีพื้นเป็นสีนํ้าเงินพร้อมตัวหนังสือสีขาว และขอบเป็นสีขาว
เครื่องหมายเหล่านี้จะบอกให้คุณทราบทิศทางที่ต้องการจะไปก่อนที่จะถึงทางแยก ทำให้คุณสามารถเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าได้ทันเวลา
เครื่องหมายบนถนน
เครื่องหมายต่างๆ ที่เขียนบนถนนจะเป็นสิ่งที่ให้ข้อมูล คำสั่ง หรือการเตือนให้คุณทราบ คุณอาจใช้เครื่องหมายต่างๆ ที่เขียนบนถนนอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับเครื่องหมายบนเสาที่ปักไว้ข้างถนน
ข้อดีของเครื่องหมายบนถนนคือ
-คุณสามารถเห็นได้ง่าย เมื่อเครื่องหมายจราจรอื่นๆ อาจถูกบดบังด้วยการจราจรบนถนน
-คุณสามารถทราบข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องเมื่อขับขี่ไปตามถนน
ตัวอย่างเช่น
-เส้นประเพียงเส้นเดียวที่จุดทางเข้าวงเวียนจะบอกให้คุณทราบว่ารถยนต์ที่มาจากด้านขวามือของคุณมีสิทธิ์ไปก่อนและคุณต้องให้ ทางแก่เขาเหล่านั้น
มีกรณีพิเศษบางกรณีเท่านั้นที่รถยนต์ในวงเวียนจะต้องให้ทางแก่รถยนต์ที่เข้ามาร่วมทาง
ในกรณีดังกล่าวนี้จะต้องมีเส้นประสีขาวสองเส้นตีข้ามถนน พร้อมด้วยเครื่องหมายให้ทาง
เส้นหยุด
บริเวณทางแยกจะพบว่ามีเส้นสีขาวบนถนนในช่องจราจรที่วิ่งเข้าทางแยก ซึ่งเป็นเส้นที่เตือนให้คุณหยุดรอสัญญาณไฟจราจร คุณไม่ควรจอดรถยนต์ลํ้าเลยเส้นดังกล่าว
เส้นยาวไปตามถนน
เส้นที่สำคัญคือเส้นทึบสีขาวสองเส้นคู่
มีกฎสองข้อที่คุณต้องปฏิบัติตามเมื่อคุณพบเส้นคู่
1. คุณจะต้องไม่จอดคอย
2. เมื่อเส้นที่อยู่ใกล้คุณยาวต่อเนื่อง คุณจะต้องไม่ให้ส่วนใดของรถยนต์ทับไปบนเส้นยกเว้น
-เมื่อเข้าหรือออกจากถนนด้านข้าง หรือเข้าทางด้านตรงข้ามของถนน
-มีเหตุการณ์ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้
สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่มีโอกาสแซงรถยนต์คันอื่นเลย เมื่อขับขี่ใกล้เส้นทึบขาว
คุณสามารถแซงได้ถ้าไม่มีส่วนใดของรถยนต์ทับไปบนเส้นทึบขาว
ถ้ามีเส้นประสีขาวข้างเดียวกับคุณและเส้นทึบสีขาวอีกด้านหนึ่ง คุณอาจข้ามเส้นเพื่อการแซงได้ แต่คุณต้องกลับมาข้างเดิมของคุณก่อนที่เส้นบนข้างเดียวกับคุณจะเปลี่ยนมาเป็นเส้นทึบ
ลูกศรบนถนนมักเตือนให้ทราบว่ากำลังจะมีเส้นสีขาวคู่บนถนน อย่าแซงเมื่อเห็นเส้นสีขาวคู่
เครื่องหมายเส้นขนาน
บริเวณที่อาจมีอันตราย มักจะต้องแยกกระแสการจราจร เช่น ทางโค้งอันตราย หรือสันนูน
บริเวณเหล่านี้จะมีเส้นลักษณะเป็นบั้งหรือเป็นแถบเส้นทแยง โปรดจำไว้ว่า
-เส้นลักษณะเป็นบั้งที่มีขอบเป็นเส้นทึบสีขาว คุณไม่ควรเข้าไปข้างใน
-แต่ถ้าขอบเป็นเส้นประ คุณอาจเข้าไปข้างในได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย
ช่องรถยนต์โดยสารประจำทาง
ในถนนบางแห่งจะแบ่งช่องไว้สำหรับรถยนต์โดยสารประจำทางใช้เท่านั้น ซึ่งมักเป็นเส้นสีเหลืองทึบ คุณไม่ควรเข้าไปกีดขวาง การจราจรในช่องรถยนต์โดยสารประจำทาง
ลูกศรบนถนน
บริเวณใกล้ทางแยกคุณจะพบเครื่องหมายหัวลูกศรทั้งบนแผ่นป้ายและบนถนน เพื่อแนะนำเส้นทางที่คุณต้องการจะไป คุณจะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องแต่เนิ่นๆ
เส้นแบ่งช่องจราจร
บนถนนจะมีเส้นแบ่งช่องจราจรเพื่อช่วยให้การขับขี่เป็นระเบียบ และไม่เข้าไปในช่องจราจรของผู้อื่น บนเส้นทางทั่วๆ ไป เส้นแบ่งช่องจราจรมักจะเป็นเส้นประ แต่บริเวณที่คับขัน หรืออาจมีอันตรายได้ง่าย มักจะเป็นเส้นทึบซึ่งช่วยให้คุณเห็นชัดเจนและระมัดระวังมากขึ้น
บนถนนบางแห่งอาจมีปุ่มสะท้อนแสงติดตั้งไว้บนเส้นแบ่งช่องจราจรเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นได้ในยามค่ำคืน
คำต่างๆ บนถนน
คำต่างๆ ที่เขียนไว้บนถนนนั้นค่อนข้างชัดเจน เช่น “หยุด’, “ลดอัตราเร็ว” “ขับช้าๆ” ฯลฯ
เมื่อพบคำต่างๆ เหล่านี้ คุณจะต้องเพิ่มความระมัดระวังการขับขี่ ในบริเวณนี้
สัญญาณไฟจราจร
ไฟจราจรมีสามสีได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว
สีแดงหมายถึงหยุด และจอดรถยนต์ตรงเส้นหยุดที่ขีดขวางถนนได้ตรงบริเวณทางแยก
สีเหลืองหมายถึง เตรียมตัวที่จะหยุดหรือจะไป
สีเขียวหมายถึง ไปได้ เมื่อเส้นว่าง
เมื่อคุณต้องการเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาที่สัญญาณไฟจราจร คุณต้องระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเดินข้ามถนนที่ออกเดินมาแล้ว
เมื่อคุณขับขี่เข้าหาสัญญาณไฟเขียว อย่าพยายามเร่งเครื่องยนต์เพื่อจะหนีให้พ้นสัญญาณไฟเขียว คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะหยุดได้ทุกเวลา ถ้าสัญญาณไฟเขียวแสดงมานานแล้ว
ในบางแห่งอาจมีไฟเขียว เป็นหัวลูกศร แสดงว่าคุณสามารถขับขี่ไปในทิศทางของหัวลูกศรได้ถึงแม้ว่าจะเป็นไฟแดงในทิศทางอื่นก็ตาม
เมื่อขับขี่เข้าใกล้ทางแยก คุณต้องระมัดระวังโดยการมองไปข้างหน้า มองกระจก ให้สัญญาณ และปรับอัตราเร็ว พร้อมกับเปลี่ยนช่องจราจรเพื่อเข้าสู่ช่องจราจรที่คุณต้องการ ไม่ควรเปลี่ยนช่องจราจรอย่างกะทันหัน เมื่อถึงทางแยก
สัญญาณไฟจราจรเสีย
บางครั้งสัญญาณไฟจราจรเสีย คุณควรร่วมมือกันรักษากฎจราจร ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว เพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวไปได้โดยไม่มีปัญหา อย่าเห็นแก่ตัว เพราะถ้าต่างคนต่างจะไปในที่สุดก็ไม่มีใครได้ไป
ไฟเตือนข้ามถนน
ในบริเวณที่มีคนเดินข้ามถนนมากๆ เช่นหน้าโรงเรียนหรือหน้ามหา¬วิทยาลัย มักจะมีไฟกะพริบสีเหลืองเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ระมัดระวัง
ไฟเตือนข้ามทางรถไฟ
บริเวณที่ทางรถไฟติดกับถนน จะมีเครื่องหมายเตือนและไฟเตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง โดยทั่วไปมักจะมีคานกั้นขวางเส้นทางของรถยนต์เพื่อให้รถไฟผ่านไป โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
-อย่าขับขี่ข้ามทางรถไฟเมื่อมีสัญญาณไฟแสดง และอย่าพยายามแข่งกับคานกั้นที่เลื่อนลงมากั้นถนน ก่อนที่รถไฟจะมาถึง
-รถยนต์ของคุณดับ หรือเสียบนทางรถไฟ ควรให้ทุกคนออกจากรถยนต์ และออกไปให้พ้นทางรถไฟ และขอความช่วยเหลือ
-ถ้ามีเวลามากเพียงพอก่อนที่รถไฟจะมาถึง ให้รีบเลื่อนรถยนต์ออกไปให้พ้นทางรถไฟ
-ทางรถไฟบางแห่ง ไม่มีเครื่องกั้น แต่มีเฉพาะไฟเตือนดังนั้นต้องระมัดระวัง
ทางม้าลาย
ทางม้าลายเป็นทางสำหรับคนเดินข้ามถนน
-ทางม้าลายมักไม่มีสัญญาณไฟ
-อาจมีไฟกะพริบสีเหลืองเตือนผู้ขับขี่รถยนต์
-ทางม้าลายมีสีทาสลับกันระหว่างสีขาวและสีดำ
-เมื่อมีคนเดินข้ามถนน ต้องหยุดรถยนต์ให้คนเดินข้ามพ้นไปก่อน อย่าขับขี่แซงผ่านขึ้นไปเพราะจะเกิดอันตรายต่อคนเดินข้ามถนนได้
ที่มา:ธีรยุทธ  สุวรรณประทีป